ถาม Why do you want to travel to the USA?
ตอบ บอกเหตุผลไปเลยค่ะว่าจะไปทำไม เยี่ยมญาติ ท่องเที่ยว อะไรก็ว่าไปค่ะ
ตอบ บอกเหตุผลไปเลยค่ะว่าจะไปทำไม เยี่ยมญาติ ท่องเที่ยว อะไรก็ว่าไปค่ะ
ถาม How long will you stay in the US?
ตอบ จะอยู่นานเท่าไรก็บอกไปค่ะ แต่ต้องให้ตรงกับในข้อมูลที่กรอกด้วยนะคะ
ตอบ จะอยู่นานเท่าไรก็บอกไปค่ะ แต่ต้องให้ตรงกับในข้อมูลที่กรอกด้วยนะคะ
ถาม Where will you stay in the US?
ตอบ จะไปพักที่ไหน กับใครต้องแจ้งที่อยู่ให้ละเอียดด้วยนะคะ
ตอบ จะไปพักที่ไหน กับใครต้องแจ้งที่อยู่ให้ละเอียดด้วยนะคะ
ถาม How much expense do you expect from this trip?
ตอบ ถ้าใช้เงินตัวเองก็ต้องโชว์ค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมกับเงินที่มี หรือถ้ามีสปอนเซอร์เซ็นรับรองไปเลยค่ะ
ตอบ ถ้าใช้เงินตัวเองก็ต้องโชว์ค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมกับเงินที่มี หรือถ้ามีสปอนเซอร์เซ็นรับรองไปเลยค่ะ
ถาม Who is sponsoring you?
ตอบ ใครออกค่าใช้จ่ายให้คุณ ต้องแจ้งให้สถานทูตทราบด้วยว่ามีความสัมพันธ์อะไรกับคุณ
ตอบ ใครออกค่าใช้จ่ายให้คุณ ต้องแจ้งให้สถานทูตทราบด้วยว่ามีความสัมพันธ์อะไรกับคุณ
ถาม What does your ………… do?
ตอบ ไม่ว่าสถานทูตจะถามว่าใครก็ต้องตอบให้ได้ตามความจริงนะคะ
ตอบ ไม่ว่าสถานทูตจะถามว่าใครก็ต้องตอบให้ได้ตามความจริงนะคะ
ถาม Where does your ……………. stay in the US?
ตอบ ตอบไปเลยค่ะว่าคนที่คุณจะไปหา ไปพักด้วยอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร
ตอบ ตอบไปเลยค่ะว่าคนที่คุณจะไปหา ไปพักด้วยอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร
ถาม Can I have the contact details of your ………?
ตอบ เอาที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ อีเมล์ให้เค้าไปเลยค่ะ (อยากได้นักก็เอาให้เค้าไปเลยค่ะ)
ตอบ เอาที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ อีเมล์ให้เค้าไปเลยค่ะ (อยากได้นักก็เอาให้เค้าไปเลยค่ะ)
ถาม Do you have relatives in the US? Who are they? / Do you know anyone in there?
ตอบ ตอบไปค่ะว่า yes or no แล้วค่อยบอกว่าคนคนนั้นเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับเรา รู้จักกันได้อย่างไร
ตอบ ตอบไปค่ะว่า yes or no แล้วค่อยบอกว่าคนคนนั้นเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับเรา รู้จักกันได้อย่างไร
ถาม How long has your ………. been in the US?
ตอบ บอกสถานทูตไปค่ะว่าคนที่คุณรู้จักในอเมริกาอยู่ที่นั้นมานานเท่าไรแล้ว
ตอบ บอกสถานทูตไปค่ะว่าคนที่คุณรู้จักในอเมริกาอยู่ที่นั้นมานานเท่าไรแล้ว
ถาม What is the legal status (What visa) of your ………?
ตอบ สถานทูตอาจจะถามถึงสถานภาพวีซ่าของคนที่คุณรู้จักในอเมริกาว่าอยู่ที่นั้น ด้วยวีซ่าอะไร (ในกรณีที่คุณมีญาติหรือคนรู้จักอยู่ที่นั้นผิดกฎหมายหรือเคยทำเรื่อง เปลี่ยนสถานะวีซ่า คุณไม่ควรบอกว่ารู้จักอย่างยิ่งค่ะ)
ตอบ สถานทูตอาจจะถามถึงสถานภาพวีซ่าของคนที่คุณรู้จักในอเมริกาว่าอยู่ที่นั้น ด้วยวีซ่าอะไร (ในกรณีที่คุณมีญาติหรือคนรู้จักอยู่ที่นั้นผิดกฎหมายหรือเคยทำเรื่อง เปลี่ยนสถานะวีซ่า คุณไม่ควรบอกว่ารู้จักอย่างยิ่งค่ะ)
ถาม Have you booked airline tickets?
ตอบ ตอบไปค่ะว่าจองแล้วหรือยัง ถ้าจองแล้วโชว์หลักฐานให้สถานทูตดูด้วยค่ะ
ตอบ ตอบไปค่ะว่าจองแล้วหรือยัง ถ้าจองแล้วโชว์หลักฐานให้สถานทูตดูด้วยค่ะ
ถาม Have you been to US before?
ตอบ เคยหรือไม่เคยก็ตอบไปค่ะ ว่าคราวที่ไป ไปด้วยวีซ่าอะไร
ตอบ เคยหรือไม่เคยก็ตอบไปค่ะ ว่าคราวที่ไป ไปด้วยวีซ่าอะไร
ถาม Did you ever go abroad before?
ตอบ เคยไปที่ไหนมาบ้างบอกสถานทูตไปเลยค่ะ (พาสปอร์ตขาวสะอาดก็ไม่ต้องกลัวนะคะ ตอนเราขอพาสปอร์ตเรายังใหม่ๆซิงๆเลยด้วยซ้ำไปค่ะ)
ตอบ เคยไปที่ไหนมาบ้างบอกสถานทูตไปเลยค่ะ (พาสปอร์ตขาวสะอาดก็ไม่ต้องกลัวนะคะ ตอนเราขอพาสปอร์ตเรายังใหม่ๆซิงๆเลยด้วยซ้ำไปค่ะ)
ถาม What do you do in Thailand?
ตอบ อยู่ที่นี่ทำงานอะไรก็บอกไปค่ะ เป็นเจ้าของกิจการ หรือไม่มีงานทำ หรือเกษียณก็ต้องบอกค่ะ
ตอบ อยู่ที่นี่ทำงานอะไรก็บอกไปค่ะ เป็นเจ้าของกิจการ หรือไม่มีงานทำ หรือเกษียณก็ต้องบอกค่ะ
ถาม Who will take care your business when you are visiting US?
ตอบ ถ้าทำงานบริษัท สถานทูตคงไม่ถามค่ะ แต่ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ อาจจะต้องโดนถามข้อนี้แน่ๆค่ะ บอกให้ได้นะคะว่าใครทำแทน
ตอบ ถ้าทำงานบริษัท สถานทูตคงไม่ถามค่ะ แต่ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ อาจจะต้องโดนถามข้อนี้แน่ๆค่ะ บอกให้ได้นะคะว่าใครทำแทน
ถาม Could you please show me your business card?
ตอบ ข้อนี้หลายๆคนอาจจะไม่เคยโดนถาม แต่เรากับน้าเราโดนค่ะ เผื่อไว้ก็ดีนะคะ สำหรับพวกรับงาน Freelance ทั้งหลาย
ตอบ ข้อนี้หลายๆคนอาจจะไม่เคยโดนถาม แต่เรากับน้าเราโดนค่ะ เผื่อไว้ก็ดีนะคะ สำหรับพวกรับงาน Freelance ทั้งหลาย
ถาม Will you come back to Thailand after your visit?
ตอบ ตอบไปเลยค่ะว่า แน่นอน 100%
ตอบ ตอบไปเลยค่ะว่า แน่นอน 100%
ถาม How can you assure me that you will come back?
ตอบ ก็คือเราจะทำให้สถานทูตแน่ใจได้อย่างไรว่าเราจะกลับมา และนี่ก็คือที่มาของหนังสือรับรองตนเองที่แนะนำให้เขียนค่ะ
ตอบ ก็คือเราจะทำให้สถานทูตแน่ใจได้อย่างไรว่าเราจะกลับมา และนี่ก็คือที่มาของหนังสือรับรองตนเองที่แนะนำให้เขียนค่ะ
เครดิต เจ้าของคำสัมภาษณ์นี้ไม่รู้เอาของใครมา ขอโทษที่ไม่ได้ขอแล้วก็ขออนุญาตโพสเพื่อเป็นความรู้แก่ท่านอื่นนะคะ ขอบคุณคะ
Embassy:Why do you want to go to America?
Me:I want to study English Course after that I will study in Master Degree.
Me:I want to study English Course after that I will study in Master Degree.
Embassy:Who is sponsoring you ?
Me: My Father.
Me: My Father.
Embassy:What does he do?
Me: He has own ‘s business about the bag and the shoes.
Me: He has own ‘s business about the bag and the shoes.
Embassy:What is he doing ? ถามซ้ำมาไอ้เราก็ไม่รู้จะตอบไงอีก เลยตอบไปว่า
Me: He sold the bag and the shoes. กลับพยักหน้าแล้วพิมพ์ลงไป 555+
Me: He sold the bag and the shoes. กลับพยักหน้าแล้วพิมพ์ลงไป 555+
Embassy:Do you have relatives or family in the US?
Me: I beg your pardon please. ไม่รู้พูดถุฃูกป่าวแต่เค้าก็พูดอีกครั้ง (รอดตัวไป)
Me: I beg your pardon please. ไม่รู้พูดถุฃูกป่าวแต่เค้าก็พูดอีกครั้ง (รอดตัวไป)
Embassy: Do you have relatives or family in the US?
Me: No.I don’t have
Me: No.I don’t have
Embassy:Where do you stay in the US?
Me:I will stay at Homestay.
Me:I will stay at Homestay.
Embassy: Ok .I improve you .
Me: Thank you very much .Good Bye.
Me: Thank you very much .Good Bye.
เจ้าหน้าที่ : Hello How are you?
จขกท : Hi sir. I am good, thanks. And how are you?
จขกท : Hi sir. I am good, thanks. And how are you?
เจ้าหน้าที่ : ยิ้มๆ (นานๆจะมีคนทักทายเค้าทีต้องเห็นใจนะคะ วันๆถามแต่คำถามเดิมๆซ้ำๆซากๆ) I’m ok. Thanks.
เจ้าหน้าที่ : Ms. xxxxxxx
จขกท : Yes sir.
เจ้าหน้าที่ : Ms. xxxxxxx
จขกท : Yes sir.
เจ้าหน้าที่ : Why do you want to go to America?
จขกท : I would like to study English course
จขกท : I would like to study English course
เจ้าหน้าที่ : Where are you going to study?
จขกท : San Francisco
จขกท : San Francisco
เจ้าหน้าที่ : But I think your English is pretty good. Why do you want to study English? (ซวยละตู)
จขกท : It’s a TOEFL course, sir. (-*-)
จขกท : It’s a TOEFL course, sir. (-*-)
แล้วเค้าก็พิมพ์ๆๆๆ คลิกๆๆ ดูข้อมูลที่หน้าจอ ตลอดเวลา โอเค ตรงกับฟอร์ม DS ที่เรากรอกไปว่าเป็นคอร์ส TOEFL
เจ้าหน้าที่ : Oh ok. How long do you intend to study English?
จขกท : The TOEFL course will take 3 months and I will continue another 3 months of GMAT and apply for the Master Degree.
จขกท : The TOEFL course will take 3 months and I will continue another 3 months of GMAT and apply for the Master Degree.
เจ้าหน้าที่ : ไม่พูดอะไรค่ะ พิมพ์ๆๆๆๆ อย่างเดียว แล้วก็ดูที่จอตลอด Who’s paying for your trip?
จขกท : My uncle.
จขกท : My uncle.
เจ้าหน้าที่ : And what does your uncle do?
จขกท : He works at EGAT. Electric อารายซักอย่างจำไม่ได้แล้ว
จขกท : He works at EGAT. Electric อารายซักอย่างจำไม่ได้แล้ว
เจ้าหน้าที่ก็พยักหน้า Ok. ยื่นใบสีฟ้าให้ไปกรอกที่อยู่ Go to the post office and pay 75 Baht.
O_o Thank you so much sir ! And have a great day ! แล้วเค้าก็ยิ้ม Thank you and you too. เย้ๆ ได้มาแล้วค่ะ
เครดิต เจ้าของคำสัมภาษณ์นี้ไม่รู้เอาของใครมา ขอโทษที่ไม่ได้ขอแล้วก็ขออนุญาตโพสเพื่อเป็นความรู้แก่ท่านอื่นนะคะ ขอบคุณคะ
เจ้าหน้าที่กงสุล: พูดภาษาไทยสวัสดีครับ อันนี้ตอนเห็นแฟ้มแม่เรา
เรา: สวัสดีค่ะ
เรา: สวัสดีค่ะ
เจ้าหน้าที่กงสุล: พอเห็นแฟ้มเราเป็นวีซ่านักเรียนเท่านั้นแหละโห รัวภาษาอังกฤษมาเป็นชุด พูดไวมาก
เรา: sorry again plz
เรา: sorry again plz
ท่านกงสุล: ภาษาอังกฤษ ทำไมคุณถึงต้องไปเรียนภาษาที่อเมริกา
เรา: เราฟังไม่ทัน เรานึกว่าเค้าถามว่าทำไมถึงต้องไปอเมริกา เราก็ตอบไปว่าไปเรียนภาษาแล้วก็พัฒนาภาษาอังกฤษเราพูภาษาอังกฤษนะคะ
เรา: เราฟังไม่ทัน เรานึกว่าเค้าถามว่าทำไมถึงต้องไปอเมริกา เราก็ตอบไปว่าไปเรียนภาษาแล้วก็พัฒนาภาษาอังกฤษเราพูภาษาอังกฤษนะคะ
ท่านกงสุล: ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ผมถามคุณว่าทำไมคุณถึงต้องไปเรียนภาษาที่อเมริกา เรียนเพื่องานที่ดีขึ้น เพื่อท่องเที่ยว หรือเพื่ออะไร
เรา: เราก็แบบโอ้โหตอบไงดีวะ ตอบเป็นภาษาอังกฤษเลย ฉันไปเรียนภาษาเพื่ออยากได้ภาษาอังกฤษที่ดี ยังตอบไม่จบท่านกงสุลหน้าคิ้วขมวดและ เราก็เลยบอกต่อว่า อนาคตเราอยากเปิดสถานบันสอนภาษาเป็นของตัวเอง เพราะเราเรียนภาษาจีนมา อยากได้อังกฤษเพื่อมาเป็นเจ้าของสถาบันภาษา ท่านกงสุลยิ้ม เฮ้อโล่งแล้วตู
เรา: เราก็แบบโอ้โหตอบไงดีวะ ตอบเป็นภาษาอังกฤษเลย ฉันไปเรียนภาษาเพื่ออยากได้ภาษาอังกฤษที่ดี ยังตอบไม่จบท่านกงสุลหน้าคิ้วขมวดและ เราก็เลยบอกต่อว่า อนาคตเราอยากเปิดสถานบันสอนภาษาเป็นของตัวเอง เพราะเราเรียนภาษาจีนมา อยากได้อังกฤษเพื่อมาเป็นเจ้าของสถาบันภาษา ท่านกงสุลยิ้ม เฮ้อโล่งแล้วตู
เจ้าหน้าที่กงสุล: ใครเป็นสปอนเซอร์ให้คุณ ภาษาอังกฤษ
เรา: คุณพ่อ
ท่านกงสุล: พ่อยูทำอะไร
เรา: เจ้าของกิจการคะ กิจการของพ่อคือ โรงพิมพ์คะ
ท่านกงสุล: คุณมีญาติอยู่ที่อเมริกาไหม
เรา: มีคะพี่สาว เรียนอยู่ที่นั่น สักพักท่านกงสุลหน้าคิ้วขมวดอีกแล้ว แล้วก็พิมพ์คอมๆไป เราก็เอาไงดีวะทำอะไรเลยดี เลยสะกดชื่อพี่สาวไปให้ท่านเลย ท่านก็ยิ้มออกมา เราพูดเสียงดังด้วยฮ่าๆ
ท่านกงสุล: ท่านยิ้ม พูดว่าพี่สาวคุณอยากเป็นแอร์โฮสเตสใช่ไหม เราก็บอกว่าเยส สักพัก รัวมามาชุดใหญ่แบบใหญ่อลังการมาก บอกตามตรงแปลไม่ได้ฟังไม่รู้เรื่อง อเกนพรีสประมาณสองรอบ
เรา: คุณพ่อ
ท่านกงสุล: พ่อยูทำอะไร
เรา: เจ้าของกิจการคะ กิจการของพ่อคือ โรงพิมพ์คะ
ท่านกงสุล: คุณมีญาติอยู่ที่อเมริกาไหม
เรา: มีคะพี่สาว เรียนอยู่ที่นั่น สักพักท่านกงสุลหน้าคิ้วขมวดอีกแล้ว แล้วก็พิมพ์คอมๆไป เราก็เอาไงดีวะทำอะไรเลยดี เลยสะกดชื่อพี่สาวไปให้ท่านเลย ท่านก็ยิ้มออกมา เราพูดเสียงดังด้วยฮ่าๆ
ท่านกงสุล: ท่านยิ้ม พูดว่าพี่สาวคุณอยากเป็นแอร์โฮสเตสใช่ไหม เราก็บอกว่าเยส สักพัก รัวมามาชุดใหญ่แบบใหญ่อลังการมาก บอกตามตรงแปลไม่ได้ฟังไม่รู้เรื่อง อเกนพรีสประมาณสองรอบ
ท่านกงสุล: ถือแฟ้มเรา รวบพาสปอร์ต นึกในใจกรูทำไรผิดวะเนี้ย ทำไงดีๆเค้ากำลังจะส่งคืนใช่ไหม เพราะท่านเหมือนจะรวบแล้วเหมือนจะยื่นคืนเลยงะ
แม่: นางเอกมาเลย ท่านคะพูดไทยดีกว่าคะ สักพักท่านวางแฟ้ม แล้วก็ยื่นหน้ามาพูดกับเราเป็นภาษาไทยว่า พี่สาวคุณบอกว่าจะไปเรียนหนึ่งปี แล้วนี่ทำไมอยู่เกินหนึ่งปีละ เราเอาแล้วใจหายแว๊บบบบบบบบ เรานึกในใจต้องรีบตอบ
เราเลยพูดภาษาอังกฤษ บอกว่า หนึ่งปีเนี้ย สำหรับเรียนภาษา แล้วตอนนี้พี่สาวเราสมัครเรียนปริญญาโทแล้ว แต่กำลังทำเอกสารอยู่ ถ้าท่านอยากได้ข้อมูลอะไร ให้ท่านเอาเบอร์ของมหาลัย เบอร์เจ้าหน้าที่ของมหาลัยที่พี่สาวเราสมัครไปได้เลย ท่านก็ยิ้ม
แล้วหันไปถามแม่เราแทน เป็นไงละนางเอกดีนัก อิอิ
แล้วหันไปถามแม่เราแทน เป็นไงละนางเอกดีนัก อิอิ
ท่านกงสุล: คุณไปอเมริกาทำไมครับ ภาษาไทย
แม่: ไปส่งbaby แม่เราตอบไทยคำอังกฤษ คำ ท่านกงสุลคำอะ หัวเราะด้วยทำไมตอนเราไม่แบบนี้นะคะท่านทำหนูใจหาย
แม่: ไปส่งbaby แม่เราตอบไทยคำอังกฤษ คำ ท่านกงสุลคำอะ หัวเราะด้วยทำไมตอนเราไม่แบบนี้นะคะท่านทำหนูใจหาย
ท่านกงสุล: ยิ้ม คุณทำอาชีพอะไรครับ
แม่: ช่วยกิจการเฮียที่บ้าน เรานึกในใจเค้าจะรู้จักคำว่าเฮียไหม แม่เราเรียกพ่อเราว่าเฮียไงคะ ปรากฎเค้ารู้ว่าคือสามี
แม่: ช่วยกิจการเฮียที่บ้าน เรานึกในใจเค้าจะรู้จักคำว่าเฮียไหม แม่เราเรียกพ่อเราว่าเฮียไงคะ ปรากฎเค้ารู้ว่าคือสามี
ท่านกงสุล: ไปกี่วันครับ ภาษาไทย
แม่: สิบวันเท่านั้นแหละคะ เพราะว่า เดี๋ยวเดือนกันยายนกิจการที่บ้านจะยุ่งมาก เพราะบ้านเราเปิดโรงพิมไงคะ ช่วงเดือนกันยาเป็นต้นไปมันจะเป็นหน้าทำปฎิทิน ตามที่ลูกค้าที่เป็นเจ้าของกิจการ สั่งมาเพื่อให้ลูกค้ารายย่อย แล้วงานทำปฎิทินมันยุ่งมาก แถมเยอะด้วย แม่เราก็ต้องมาช่วยป๊า
แม่: สิบวันเท่านั้นแหละคะ เพราะว่า เดี๋ยวเดือนกันยายนกิจการที่บ้านจะยุ่งมาก เพราะบ้านเราเปิดโรงพิมไงคะ ช่วงเดือนกันยาเป็นต้นไปมันจะเป็นหน้าทำปฎิทิน ตามที่ลูกค้าที่เป็นเจ้าของกิจการ สั่งมาเพื่อให้ลูกค้ารายย่อย แล้วงานทำปฎิทินมันยุ่งมาก แถมเยอะด้วย แม่เราก็ต้องมาช่วยป๊า
ท่านกงสุล: ขอดูใบจดทะเบียนการค้าด้วยครับ เราก็ยื่นไป
ท่านกงสุล: เอาใบฟ้านี่ไปจ่ายที่ไปรษณีย์ด้านนอกนะครับ
เราก็ขอบคุณเดินอึ้งออกมา นี่เราได้แล้วใช่ไหมหม่าม้า ม้าบอกม้าไม่รู้แต่เค้าบอกให้ไปจ่ายตังที่ไปรษณีย์ ตกลงเราได้แล้วใช่ไหมคะ ที่เค้าไม่คืนพาสปอร์ต
ท่านกงสุล: เอาใบฟ้านี่ไปจ่ายที่ไปรษณีย์ด้านนอกนะครับ
เราก็ขอบคุณเดินอึ้งออกมา นี่เราได้แล้วใช่ไหมหม่าม้า ม้าบอกม้าไม่รู้แต่เค้าบอกให้ไปจ่ายตังที่ไปรษณีย์ ตกลงเราได้แล้วใช่ไหมคะ ที่เค้าไม่คืนพาสปอร์ต
เพิ่มเติม
http://www.studysqr.com/เรียนต่อ/เรียนต่ออเมริกา/prepare-for-study-usa/
http://www.studysqr.com/วีซ่า/วีซ่าอเมริกา/usa-au-pair-visa-j-1/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น