วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560

เมืองน่าท่องเที่ยวในเยอรมัน!!!

เบอร์ลิน (Berlin)

เมืองหลวงแห่งประวัติศาสตร์ อดีตสัญลักษณ์สำคัญของการแบ่งโลกเป็นสองขั้วอำนาจ เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บนแม่น้ำสปรีและฮาเฟลไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี โอบล้อมด้วยรัฐบรานเดนบวร์ก มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่โลกต้องจดจำ เพราะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เบอร์ลินได้ถูกแบ่งออกเป็นสองประเทศ และในช่วงภาวะตึงเครียดของสงครามเย็น กำแพงเบอร์ลินก็ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อกั้นเขตแดนแบ่งความเป็นเยอรมันตะวันตกและเยอรมันตะวันออก เรียกว่าเมื่ออย่างเข้าสู่เบอร์ลินคุณจะได้สัมผัสถึงร่องรอยแห่งอดีตที่หลงเหลือไว้เป็นสถาปัตยกรรมอันงดงามมากมายหลายแห่ง หนึ่งแห่งที่สำคัญและหากมาแล้วไม่ไปเยือนก็เหมือนว่ามาไม่ถึงเบอร์ลิน ก็คือ ประตูบรานเดนบวร์ก (Brandenburger Tor) สัญลักษณ์สำคัญของเมือง ที่ยังหลงเหลือเส้นแนวกำแพงเดิมให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้เห็นถึงอดีตอันเลวร้ายของสงคราม นอกจากสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ที่น่าไปเยือนแล้ว เบอร์ลินยังมีศูนย์กลางความบันเทิงอันทันสมัยอย่างหอโทรทัศน์แฟร์นเซทวร์ม (Fernsehturm) ที่อเล็กซานเดอร์พลาทซ์ (Potsdamer Platz) อาคารที่สูงเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป คุณสามารถมองเห็นหอโทรทัศน์แห่งนี้ได้จากเกือบทุกเขตศูนย์กลางของเมือง นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปนั่งรับประทานอาหารกินลมชมวิวเมืองเบอร์ลินกันแบบชิลๆ

ฮัมบูร์ก (Hamburg)



เมืองท่าใหญ่อันดับสองของเยอรมัน ตั้งอยู่บริเวณใต้สุดของคาบสมุทรจั๊ดแลนด์ในยุโรป ได้รับการขนานนามว่า “ประตูสู่โลก” (Gateway to the World) เพราะมีท่าเรือขนาดใหญ่และมีความคึกคักมากเป็นอันดับสองของสหภาพยุโรปอย่างท่าเรือฮัมบูร์ก ที่นี่กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญและถือเป็นหนึ่งใน เมืองที่รวยที่สุดในยุโรปไปโดยปริยาย แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจจึงหนีไม่พ้นบริเวณท่าเรือ เมื่อคุณก้าวเท้าเข้าสู่เมืองนี้ คุณจะได้พบกับห้างร้านที่สำคัญๆ ของเยอรมนี และสถาบันการเงินหลายต่อหลายแห่ง รวมถึงธนาคารที่เก่าแก่ในเยอรมันอย่าง ธนาคารแบร์มเบริก นักท่องเที่ยวนิยมแวะเดินเที่ยวกินบรรยากาศเก่าๆ ที่ย่านซังท์เพาลี (St. Pauli) ย่านเก่าแก่ของเมือง ซึ่งในปัจจุบันรู้จักกันดีในชื่อ ย่านแสงสีแดง (Red-Light District) และเที่ยวชมความงดงามของเหล่าอาคารคลังสินค้าที่สร้างขึ้นจากอิฐสีแดงที่โกดังชไปเคอชตัท (Speicherstadt ) โดยหนึ่งในคลังสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดที่ชื่อว่า เคชไปเคอร์ บี (Kaispeicher B) ได้กลายมาเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์การเดินเรือระหว่างประเทศในปัจจุบัน



เดรสเดิน (Dresden)

เมืองท่องเที่ยวเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเอลเบอ (Elbe River) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงเบอร์ลิน เป็นเมืองเก่าอีกแห่งที่เต็มไปด้วยความสวยงามและน่าสนใจ แบ่งเขตเมืองออกเป็นเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่ เขตเมืองเก่า เรียกว่า ออลท์แสตดท์ (Altstadt) เป็นส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวมีดีกรีได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม และขอบอกว่าเมื่อคุณมาถึงอาณาบริเวณเขตเมืองเก่า คุณจะไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมที่นี่ถึงได้รับการขึ้นทะเบียน แทบทุกจุดของเขตเมืองเก่า เต็มไปด้วยความสวยงามที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากความเสียหายจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนงดงามน่าทึ่ง รับรองว่าคุณจะยกกล้องถ่ายรูปขึ้นเก็บบรรยากาศความงามกันแทบไม่ทัน แหล่งท่องเที่ยวหลักๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเก็บภาพความทรงจำ เริ่มต้นที่บริเวณ “ตลาดใหม่นอยมาร์ค” (Neumarkt) เพราะบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของโบสถ์ฟราวเอนเคียเช่อ (Frauenkirche) โบสถ์โปรเตสแตนท์สายตรงจากมาร์ติน ลูเธอร์ ที่ได้รับการบูรณะใหม่จนสวยงาม และที่ด้านหน้าโบสถ์จะมีอนุสาวรีย์ของมาร์ติน ลูเธอร์ตั้งอยู่ด้วย อีกหนึ่งจุดที่งดงามและน่าสนใจไม่แพ้กันคือ เฟอร์เต็นซูก (The Fürstenzug) กำแพงที่ได้รับการประดับประดาด้วยกระเบื้องที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 101 เมตร แต่เดิมเป็นภาพเขียนสีบรรยายถึงขบวนเสด็จของเจ้าแห่งแซกโซนี (Saxony) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 จนถึงองค์สุดท้ายในศตวรรษที่ 20 และผู้สืบทอดราชวงศ์ Wettins แต่ด้วยสภาพอากาศและกาลเวลาทำให้ภาพเขียนสีเกิดความเสียหายและถูกลดทอนความงดงามลงไปมาก ในปี ค.ศ. 1907 จึงได้มีการนำกระเบื้องเคลือบพอร์ชเลนกว่า 25,000 ชิ้น มาปิดทับแทน และตั้งแต่นั้นมากำแพงแห่งนี้ก็คงความงดงามรอนักเที่ยวมาเยี่ยมชมจนถึงปัจจุบัน



โคโลญจน์ (Cologne)



เมืองแห่งน้ำหอมและมหาวิหารสวยงามและยิ่งใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์ ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศ จัดเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดของเยอรมัน สร้างขึ้นโดยชาวโรมันตั้งแต่สมัย ค.ศ. 50 กันเลยทีเดียว มหาวิหารสำคัญของเมือง ที่ชื่อว่า เคิล์นโดม (Cologne Cathedral) เป็นมหาวิหารโคโลญจน์แห่งเดียวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี 2536 จัดเป็นไฮไลท์ของเมืองที่นักเที่ยวไปเที่ยวชมมากที่สุด วิหารแห่งนี้ ใช้เวลาสร้างยาวนานถึง 600 ปีเชียวนะ และปัจจุบันก็ยังมีการบูรณะซ่อมแซมอยู่ตลอด เมื่อคุณไปหยุดยืนยังบริเวณของมหาวิหาร คุณจะสัมผัสได้ถึงความงดงาม อลังการและยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม โดมแฝดใหญ่ยักษ์สไตล์โกธิคที่ใหญ่และสูงที่สุดในสมัยอดีต เมื่อถ่ายรูปคู่กับตัววิหารทั้งหมด คุณจะพบว่าตัวเองตัวเล็กนิดเดียว บริเวณใกล้กับวิหาร จะมีสะพานสายสำคัญทอดยาวข้ามแม่น้ำไรน์ เชื่อมตัวเมืองโคโลญจน์ทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกัน นั่นคือ สะพานโฮเฮนโซลแลร์นบรุคเคอ (Hohenzollernbrucke) เป็นอีกไฮไลท์ที่คุณห้ามพลาดเด็ดขาด บริเวณราวสะพานจะเต็มไปด้วยกุญแจของเหล่าคู่รักนักท่องเที่ยวที่นำมาติดไว้มากมาย เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของการมาเยือนโคโลญจน์ ยังไม่หมดแค่นั้นนะ โคโลญจน์ยังมีพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตบนตึกลอยน้ำริมแม่น้ำไรน์ มีดีที่น้ำพุช็อกโกแลต คุณจะได้เจอเจ้าหน้าที่ใจดีคอยนำวาฟเฟิลอุ่นๆ มาให้จุ่มกับช็อคโกแลตทานเล่นระหว่างเดินเที่ยวชมในพิพิธภัณฑ์ และอย่าลืมแวะช้อปปิ้งน้ำหอมที่ “ออดิโคโลญจน์ 4711” จะได้ไม่เสียที ที่มาเที่ยวเมืองน้ำหอม



มิวนิค (Munich)



เมืองที่ได้รับการขนานนามเป็นเมืองหลวงแห่งเบียร์เยอรมัน อยู่ทางใต้ของประเทศ ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่เบียร์ เมืองแห่งนี้ได้รับการจัดอันดับเป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็งที่สุดในประเทศเยอรมนีเชียวนะ และยังเป็นบ้านของทีมฟุตบอลมืออาชีพที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอย่างสโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิกอีกต่างหาก มิวนิคเป็นเมืองที่ร่ำรวยศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบบารอก เต็มไปด้วยเสน่ห์และกลิ่นอายของวัฒนธรรมแบบบาวาเรียนแท้ๆ เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่เขตเมืองมิวนิค คุณจะได้เห็นโบสถ์รูปทรงโดมแฝดคู่หนึ่ง สูงตระหง่านท่ามกลางท้องฟ้ากว้าง โบสถ์แห่งนี้มีชื่อว่า โบสถ์เฟราเอ่นเคียร์ชเช่อ (Frauenkirche) โกธิก โบสถ์พระแม่มารีทรงหัวหอมคู่ที่ใหญ่ที่สุดในมิวนิก สร้างตามแบบฉบับโกธิก เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของเมืองนี้ไม่คืและด้วยความเป็นเมืองหลวงแห่งเบียร์ มาเยือนมิวนิคทั้งทีต้องไม่พลาดชมโรงเบียร์แบบพื้นเมืองเยอรมันฮอฟบราวเฮาส์ ที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสพลาตเซิลในตัวเมืองมิวนิค และหากมาช่วงกลางเดือนกันยายนเป็นต้นไป คุณจะมีโอกาสได้เข้าร่วมงานเทศกาลเบียร์เยอรมัน อ็อกโทเบอร์เฟสต์(Oktoberfest) เทศกาลเบียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่จัดขึ้นทุกปี



แฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt)



เมืองแห่งศูนย์กลางการเงิน ตั้งอยู่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำไมน์ ทางตะวันตกของประเทศ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการเงินการธนาคารของโลก รวมถึงเป็นที่ตั้งของธนาคารกลางยุโรป ตลาดหลักทรัพย์ของเยอรมนี และสถาบันการเงินนานาชาติอีกกว่า 300 แห่ง สนามบินแฟรงค์เฟิร์ตจัดเป็นสนามบินที่มีความคับคั่งของการจราจรทางอากาศมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะเมืองแห่งนี้ได้เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสนามบินและรถไฟ ทำให้คุณสามารถเดินทางเข้าออกจากเมืองนี้ไปยังเมืองต่างๆ ของเยอรมันได้อย่างง่ายดาย ที่นี่จึงมีอาคารแสดงสินค้าที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มากที่สุดในเยอรมัน มีการจัดงานแสดงสินค้าต่างๆ มากมาย เช่น งานแสดงสินค้าตกแต่งบ้าน งานแสดงสินค้าสำหรับเทศกาลคริสต์มาส หากคุณไปเยือนในช่วงเวลาการจัดงานดังกล่าว ก็จะพบกับความอลังการยิ่งใหญ่ของขบวนสินค้าหลากหลาย ที่รอให้คุณได้ช้อปปิ้งกลับไป แฟรงค์เฟิร์ตอาจดูเป็นเมืองที่มีความทันสมัย เต็มไปด้วยอาคารสูงตามแบบฉบับเมืองใหม่ แต่ที่นี่ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่ที่มีเรื่องราวความเป็นมาน่าสนใจไม่แพ้เมืองอื่นๆ อย่างมหาวิหารเซนท์บาร์โทโลมิว (Saint Bartholomew) มหาวิหารที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค และโบสถ์เซนต์พอล (Saint Paul) อนุสรณ์ประวัติศาสตร์ และสัญลักษณ์ทางการเมือง เพราะเคยเป็นที่เลือกตั้งตามระบบรัฐธรรมนูญแห่งแรกของเยอรมันและที่เมืองนี้ยังสวนพฤกษศาสตร์ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และสัตว์นานาชนิดให้ได้ไปพักผ่อนหย่อนใจ เรียกว่าในความพลุกพล่านของเมืองยังมีความสงบ



Karl Theodor เยอรมัน

เมืองที่ตั้งของมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ อายุกว่า 600 ปี ไฮเดลเบิร์กอยู่ทางตอนใต้ของเมืองแฟรงค์เฟิร์ต วางตัวอยู่บนบนเนินเขา ซึ่งมีแม่น้ำเนคการ์ไหลผ่าน เป็นเมืองที่สุดแสนจะคลาสสิคและโรแมนติคอย่าบอกใคร มีการแบ่งเขตออกเป็นเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่ เมื่อคุณย่างเข้าไปยังบริเวณตัวเมืองเก่า คุณจะพบบ้านเรือนสวยงามกับสถาปัตยกรรมเก่าๆ ตั้งอยู่เรียงราย โดยมีแม่น้ำเนคคาร์ (Neckar) แม่น้ำสายหลักของเมืองคั่นกลาง และยังได้พบกับปราสาทไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg Castle) ปราสาทเก่าแก่ไฮไลท์เด่นของเมือง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก การเดินทางขึ้นไปยังปราสาททำได้ 2 วิธี คือ เดินขึ้นไปหรือนั่งรถราง เมื่อเท้าคุณก้าวย่างสู่เขตปราสาทคุณจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายและเสน่ห์ชวนหลงใหล กับธรรมชาติสวยงามแวดล้อมที่ทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังเดินอยู่ในเทพนิยายหรือไม่ก็กำลังอยู่ในยุคของลอร์ดออฟแลนด์ที่มีอัศวิน เจ้าชาย และเจ้าหญิง ภายในปราสาทมีห้องเก็บไวน์ที่มีถังบ่มไวน์ขนาดยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรียกว่า Great Barrel และเมื่อกลับลงมาจากปราสาท คุณจะได้พบกับเอกลักษณ์อีกแห่งของไฮเดลเบิร์ก นั่นคือ สะพานคาล ธีโอดอร์ ฮ้อยส์ บรุคเคอ (Karl-Theodor-Heuss Brücke) สะพานเก่าแก่ของเมืองที่เชื่อมเมืองทั้งสองฝั่งแม่น้ำไว้ด้วยกัน



พอทสดัม (Potsdam)



เมืองมรดกโลกของเยอรมัน ตั้งอยู่บนแม่น้ำฮาเฟิล ทางตะวันออกของประเทศ มีชายแดนติดกับเบอร์ลิน เมืองแห่งนี้อุดมไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีทะเลสาบเชื่อมต่ออยู่ทั่วทั้งพื้นที่ของเมือง สถาปัตยกรรมของเมืองแห่งนี้อย่างหมู่บ้านดัตช์ ที่มีบ้านเรือนจำนวน 134 หลัง ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสามชั้นในสไตล์แบบดัตช์ เป็นเหมือนกับแม่แหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมและเก็บภาพประทับใจกลับไป เมืองแห่งนี้โดดเด่นในความงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมพระราชวังซองส์ ซูซี (Sanssoucci Palace) เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของเมืองที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ภายใต้ชื่อ “พระราชวังและสวนแห่งพอทสดัมและเบอร์ลิน” เมื่อย่างเท้าเข้าไปยังบริเวณ จะพบความสวยงามให้ความรู้สึกไร้กังวลเหมือนดั่งความหมายของชื่อพระราชวัง ความงดงามของพระราชวังแห่งนี้ทำให้ถูกจัดเป็นคู่แข่งกับพระราชวังแวร์ซายส์ที่ฝรั่งเศสกันเลยทีเดียว แต่ซองส์ ซูซี มีเอกลักษณ์ในความที่ดูเป็นส่วนตัวมากกว่า และรูปสถาปัตยกรรมเป็นแบบบารอก พระราชวังอีกหนึ่งแห่งที่น่าท่องเที่ยวไม่แพ้กันคือ Orangery Palace (Orangerieschloss) เป็นพระราชวังสไตล์อิตาเลียนเรอเนสซองส์สร้างโดยพระเจ้าฟรีดริชที่ 4 มีไว้ต้อนรับแขกบบ้านแขกเมืองในอดีต และชื่อเกี่ยวกับส้มเพราะมีการปลูกสวนส้มไว้เป็นที่เดินเล่นชมวิว นอกจากพระราชวังสวยๆ พอทสดัมยังมีสถานที่แห่งความทรงจำให้หวนนึกถึงอดีตการแบ่งแยกประเทศ อย่างสะพานกลีนิเคอ (Glienicker Brücke / The Bridge of Spies) สะพานข้ามแดนระหว่างโลกตะวันตกกับตะวันออกในอดีต ที่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเยอรมันที่ดึงดูดใจผู้คนจากทั่วโลก

เพิ่มเติม




ติดต่อเรา
Study Square Co.,Ltd. 5 Therd Rachan 1 Lane, Therd Rachan Rd, Srikan, Donmuang, Bangkok, 10210 Thailand
Tell : 089-1261024, 02-9291231 (พี่กฤต)Email :studysquares@hotmail.com
Face Book : https://www.facebook.com/Studysquare.co.th/,https://www.facebook.com/sqstudyabroad/
 Twitter :https://twitter.com/aittit
Line ID : krittapas_st

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น