เป็น พระราชวังที่สาคัญของอังกฤษที่สามารถเปิดให้คนเข้าชมได้ ซึ่งภายในพระราชวังจะมีห้องต่างๆ ที่น่าสนใจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี อาทิ ห้องบังลังก์ของกษัตริย์ ห้องแกลลอรี่ ห้องเสวยพระกระยาหาร ซึ่งห้องต่างๆ เหล่านี้ ได้รับการตกแต่งอย่างงดงามและอลังการ นอกจากนี้ภายในพระราชวังยังมีสวนที่ได้รับการตกแต่งอย่างดี เหมาะแก่การเดินชมวิวเป็นอย่างยิ่ง ที่สาคัญ คือ การผลัดเปลี่ยนเวร(Changing the Guard) การผลัดเปลี่ยนเวรจะมีขึ้นที่บริเวณพระราชวังบัก กิ้งแฮม โดยจะเริ่มแสดงเวลา 11.30 น . และจะใช้เวลาแสดงทั้งหมด 40 นาที แต่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ในวันที่มีเหตุการณ์สาคัญของเมือง การผลัดเปลี่ยนเวรอาจจะงดได้ในวันที่ฝนตก
Bigben
บิ๊กเบน ตึกสภา เวสต์มินสเตอร์ ทั้งหมดคือ สัญลักษณ์ของลอนดอนที่ไม่เคยเสื่อมความสาคัญ ตัวบิ๊กเบนและอาคารรัฐสภาตั้งอยู่ริมแม่น้าเทมส์
ขณะนี้กาลังขัดสีฉวีวรรณเป็นการใหญ่จึงเห็นเป็นสีทองอร่าม ไม่ดาหม่นมัวด้วยคราบเขม่าควันและการเวลาเหมือนในอดีต มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
กาลังซ่อมแซมเช่นกัน เหมือนกับสะพานข้ามแม่น้าเทมส์ในบริเวณใกล้เคียงที่ทาให้การเดินข้ามถนนไปมา ของนักท่องเที่ยวออกจะ ลาบากไม่ใช่น้อย
เลย
London Eye
บริติช แอร์เวยส์ ลอนดอน อาย (British Airways London Eye) กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอังกฤษไปซะแล้ว สาหรับบริติช แอร์เวยส์
ลอนดอน อาย ที่สร้างขึ้นเพื่อรับปี สหัสวรรษ 2000 โดยสายการบินบริติช บริติช แอร์เวยส์ ลอนดอน อาย เป็นจุดชมวิว ที่มีลักษณะเป็นกงล้อหมุน มี
ความสูง 135 เมตร จุดชมวิวนี้ สร้างขึ้นภายใต้แนวความคิด อากาศ น้า พื้นโลก และเวลา
สะพานทาวเวอร์ (Tower Bridge)
สร้าง ขึ้นเหนือแม่น้าเทมส์ โดยสะพานแห่งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นจุดชมวิว ที่มีความสูงถึง 140 ฟุต เท่านั้น แต่ภายในของฐานสะพาน ที่ถูกสร้างขึ้นให้
มีลักษณะเป็นหอสูง ยังเป็นที่ที่จัดนิทรรศการ เกี่ยวกับประเทศอังกฤษ จนถึงมีจัดแสดงห้องอบไอน้าสมัยวิกตอเรียนด้วย
London Chaina Town ( SOHO )
เป็น อีกสถานที่หนึ่งที่ คนไทยในลอนดอนชอบไปเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า อาหารจีนเป็นอาหารที่คนไทยชื่นชอบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาอย่างยิ่ง
มากกว่า อาหารฝรั่ง เบอร์เกอร์ แซนวิชเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้ง ยังมี ซุปเปอร์มาเก็ตของคนจีน ที่นาเข้า ของชา ทั้ง ผัก ผลไม้ ม่าม่า และ ซอสปรุงอาหาร
แม้กระทั่ง ปลาร้า ก็มี ที่นาเข้ามาจากเมืองไทยทุกวันสดมาก เป็นที่ ๆ นักเรียนไทยในลอนดอนรู้จักกันดี
ดูที่ร้านแดง ด้านขวามือสุดสิ นั่นแหละ ซุปเปอร์มาร์คเก็ตจีน ชื่อ LOON MOON ที่มีของชาจากเมืองไทยเพียบ อยู่ใจกลาง โซโฮ เลยละ
Harrods
ห้าง แฮร็อดส์ (Harrods) อภิมหาเศรษฐีชาวอังกฤษชื่อ อัลฟาเยด เป็นเจ้าของกิจการตั้งอยู่บนบรอมตันแถวๆย่าน ” ไนท์บริดจ์ “(Knightsbridge) ที่
ห้างแฮร็อดส์มีของขายมากมายกว่า 300 แผนก อยากจะได้อะไรข้างในมีหมด เพียงแต่ว่าจะตัดสินใจซื้อกันหรือเปล่าเทานั้น เพราะราคาข้าวของแต่ล่ะ
อย่างแพงหูฉี่ ในห้างมีร้านโดนัทชื่อดังอันดับ 1 ใน 10 ของโลกคือ Krispy Kream อร่อยมากขอรับประกันคุณภาพหากหาซื้ออะไรไม่ได้ ซื้อถุงก๊อป
แก๊ปของห้างมาเป็นที่ระลึกก็ยังดี
Oxford Street
แหล่ง ชอปปิ้ง อีกแห่งที่ไม่น่าที่จะพลาดคือ อ๊อกฟอร์ดสตรีท มีความยาวถึง 1 ไมล์ (1.6 กม .) ทั้งสองฟากฝั่งถนนอุดมไปด้วยร้านค้านานาชนิด ที่
เห็นใหญ่โตมโหฬารที่สุดในย่านนี้ก็คงจะเป็นห้างที่มีชื่อว่าเซลฟริดเสจ (Selfridges) ซึ่งมีของขายตั่งแต่เครื่องใช้ในบ้าน ฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้าเครื่องสาอาง
เครื่องแก้ว ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าแบรนเนม ซึ่งเป็นอีกแหล่งชอปปิ้ง ที่ทุก ๆ คนประทับใจมาก
มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด
เป็นปราสาทแบบ นอร์มันในเมืองเดอแรม มณฑลเดอแรม สหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ตรงข้ามกับโบสถ์เดอแรม บนยอดเนินเขาเหนือแม่น้าแวร์บน
คาบสมุทรเดอแรม
ปราสาทเดอแรม (Durham Castle)
โบสถ์ยิวแห่งนี้ เป็นโบสถ์ที่มีความใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจาก โบสถ์ยิวในนครนิวยอร์ค โถงโบสถ์มีทางเดินจากประตูสู่แท่นพิธี (Nave)
ถึง 3 ทางด้วยกัน โดยปฏิบัติตามธรรมเนียมของนิกาย ออโธดอกซ์ ในการแยกที่นั่งสาหรับชาย และหญิง ซึ่งสามารถรองรับผู้แสวงบุญได้ถึง 3000 คน
และยังเป็นศูนย์รวมของชุมชนชาวยิวในนครบูดาเปสต์ อีกทั้งงานเทศกาลต่างๆ ก็ยังมีการจัดที่นี้อีกด้วย ภายในโบสถ์ยังมีพิพิธภัณฑ์ของชาวยิวอีกด้วย
ปราสาทนี้สร้าง ขึ้นในศตวรรษที่ 11 เพื่อปกป้องบิชอปแห่งเดอแรมจากการถูกโจมตี เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของปราสาทแบบ mott and bailey ที่
ได้รับอิทธิพลของนอร์มัน ปราสาทนี้ห้องโถงขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นบิชอปแอนโทนี เบค เมื่อต้นศตวรรษที่ 14 เคยเป็นห้องโถงในปราสาทที่ใหญ่ที่สุด
ในเกาะบริเตน จนกระทั่งบิชอปริชาร์ด ฟอกซ์ ปรับขนาดห้องโถงให้เล็กลงเมื่อสิ้นศตวรรษที่ 15 ห้องโถงปัจจุบันมีความสูง 14 เมตร และยาวมากกว่า
30 เมตร ปราสาทเดอแรมและ มหาวิหารเดอแรมได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ข้อความจากรัฐบาลสหราช
อาณาจักรถึงเหตุผลของการเสนอชื่อปราสาทเข้ารับเลือกมี ดังนี้ ในอังกฤษมีอาคารเพียงไม่กี่หลังที่สามารถยืนหยัดฝ่ากระแสความเปลี่ยนแปลงใน
ประวัติศาสตร์ได้ยาวนานกว่าปราสาทเดอแรม หลังจากการพิชิตนอร์มัน ปราสาทถูกบูรณะ ต่อเติม และปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ตามสถานการณ์มา
ตลอดระยะเวลากว่า 900 ปี
มหาวิหารบาธ
ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 และยังคงตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ก็เป็นอีกสถานที่สาคัญในเมือง นี้ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว มหา
วิหารแห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิหารกอธิกที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ และยังเชื่อกันอีกว่าลักษณะสถาปัตยกรรมแบบกอธิกภายในมีความสวยงามที่สุดใน
ทวีปยุโรป ลักษณะเด่นภายในซึ่งมีอยู่ 3 ตาแหน่ง ซึ่งว่ากันว่าเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดโดยเด็ดขาด หลังคาพัดภายในมหาวิหารบาท ตาแหน่ง
แรกก็คือ เพดาน ที่มีชื่อเรียกว่า “เพดานพัด (Fan Vault)” โดยเพดานพัดนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิกซึ่งลักษณะสันของเพดานแยกออกไปเป็น แฉก
คล้ายรูปพัด และต้องบอกว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีเฉพาะในประเทศอังกฤษเท่านั้น ตาแหน่งต่อมาก็คือ หน้าต่าง ที่มีลักษณะของงาน “กระจกสี
(Stained Glass)” ซึ่งได้มีการนากระจกสีมาตกแต่งหน้าต่างของมหาวิหาร และยามที่แสงแดดสาดส่องลงมาจะมีความสวยงามเป็นอย่างมาก และใน
ตาแหน่งสุดท้ายก็คือ ผนังของมหาวิหารที่เต็มไปด้วยสุสาน โดยเชื่อกันว่าที่มหาวิหารแห่งนี้มีสุสานมากที่สุดในอังกฤษ
stonehenge
สโตนเฮนจ์ (อังกฤษ: Stonehenge) เป็นกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางทุ่งราบกว้างใหญ่ในบริเวณที่เรียกว่าที่ราบซอลส์บรี (Salisbury Plain)
ในบริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ประกอบไปด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันอยู่ใน
แนวนอน และบางอันก็ถูกวางซ้อนขึ้นไปข้างบน
สโตนเฮนจ์มีชื่อ เสียงอย่างมากในฐานะที่เป็นกลุ่มหินประหลาดซึ่งไม่มีใคร ทราบวัตถุประสงค์ในการสร้างอย่างชัดเจน และเมื่อพิจารณาถึงอายุ
ของมันแล้ว คาดว่ากลุ่มกองหินประหลาดนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว ทาให้นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ต่าง สงสัยว่า คนในสมัยก่อน
สามารถยกแท่งหินที่มีน้าหนักกว่า 30 ตัน ขึ้นไปวางเรียงกันได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ปราศจากเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน และที่น่าแปลกไป
กว่านั้นคือ ในบริเวณที่ราบดังกล่าว ไม่ใช่บริเวณที่จะมีก้อนหินขนาดมหึมานี้ ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าผู้สร้างต้องทาการชักลากแท่งหินยักษ์ทั้งหมด มา
จากที่อื่น ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากบริเวณที่เรียกว่า “ทุ่งมาร์ลโบโร” ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว
เพิ่มเติม
http://www.studysqr.com/อังกฤษ/cotswolds/
http://www.studysqr.com/อังกฤษ/har/
http://www.studysqr.com/อังกฤษ/war/
http://www.studysqr.com/อังกฤษ/corn/
http://www.studysqr.com/อังกฤษ/york/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น