วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560

คนไทยในอังกฤษ

ชาวไทยในสหราชอาณาจักร
     1.1 จากสถิติคนไทยที่ติดต่องานด้านกงสุลที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน คาดว่า มีคนไทยอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรจำนวน 36,000 คน โดยคนไทยในสหราชอาณาจักรได้รวมตัวกันเป็นชมรม, สมาคม ต่างๆ ถึง 58 แห่ง ซึ่งนับได้ว่ามีจำนวนมากที่สุดในทวีปยุโรป 
     1.2 คนไทยส่วนใหญ่ประมาณ 20,000 คน เป็นแรงงานทำงานอยู่ที่ร้านอาหารไทยซึ่งมีอยู่มากถึง   1,000 ร้านทั่วสหราชอาณาจักร  โดยกว่าครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 600 ร้านตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน  ดังนั้น แรงงานไทยจึงมีลู่ทางเข้าไปทำงานในสาขาบริการจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่ออาหารไทยกำลังเป็นที่นิยมจากผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น  คาดว่าในแต่ละปีแรงงานไทยสามารถส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวในประเทศไทยได้ประมาณ 100,000 บาท/ คน/ ปี หรือกว่า 2 พันล้านบาท/ ปี 
     1.3 คนไทยอีกส่วนหนึ่งเป็นนักเรียนทั้งในระดับประถมถึงระดับปริญญาเอกจำนวนประมาณ 4,300 คน ส่วนที่เหลือประกอบอาชีพส่วนตัวและอยู่ในภาคธุรกิจต่างๆ  นอกจากนี้ ยังมีคนไทยที่สมรสกับคนบริติชและมีบุตรธิดาที่ถือสองสัญชาติจำนวนมาก

เพิ่มเติม

 http://www.studysqr.com/เรียนต่อ/เรียนต่ออังกฤษ/เรียนต่อลอนดอน/west-london-college/

http://www.studysqr.com/เรียนต่อ/เรียนต่ออังกฤษ/เรียนต่อลอนดอน/oxford-house-college/ 

 http://www.studysqr.com/เรียนต่อ/เรียนต่ออังกฤษ/เรียนต่อลอนดอน/city-london-college/


Study Square Co.,Ltd. 5 Therd Rachan 1 Lane, Therd Rachan Rd, Srikan, Donmuang, Bangkok, 10210 ThailandTell : 089-1261024, 02-9291231 (พี่กฤต)Email :studysquares@hotmail.com

วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2560

ระบบการศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกา

ระบบการศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกา การศึกษาในสหรัฐอเมริกาแตละมลรัฐจะควบคุมคุณภาพการเรียนการสอน และ วางแผนการศึกษาของตนเองโดยไมขึ้นกับรัฐบาลกลาง ทุกมลรัฐจะมีหนวยงานการศึกษา คลายกระทรวงศึกษาธิการ คอยกําหนดมาตรฐานตาง ๆ แนะนําเงินงบประมาณอุดหนุน ใหโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยจากเงินภาษีที่เก็บไดจากประชาชน และสมาคม ตาง ๆ ในแตละมลรัฐ สําหรับการศึกษาภาคบังคับ นักเรียนอเมริกันทุกคนจะเรียนฟรีไมวา จะอยูที่รัฐใด จนจบชั้นนมัธยมศึกษา หรือ Grade 12
สําหรับนักเรียนจากประเทศอื่นที่ ตองการเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาสหรัฐอเมริกา จะสมัครเขาเรียนไดใน โรงเรียนเอกชนเทานั้น เพราะสหรัฐอเมริกาจะไมออกวีซาใหนักเรียนตางชาติที่ได 1-20 จากโรงเรียน ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา จากโรงเรียนของรัฐท ี่ เรียกวา Public School การเรียนในระดับมหาวิทยาลัยจะมีขอแตกตาง กลาวคือถานักเรียนที่มีถิ่นฐานใน มลรัฐหนึ่งจะขามมาศึกษาตอในระดับมหาวิทยาลัยในอีกมลรัฐหนึ่ง จะตองเสียคาเลาเรียน แพงขึ้น ที่เรียกวา Out of States Tuition และถานักศึกษามาจากประเทศอื่ นจะตองเสียคา เลาเรียนมากกวาข ึ้นไปอีก ระดับการศึกษาของสหรัฐอเมริกามีหลายแบบแตที่นิยมคือ แบบ 6 – 3 – 3 และ 6 – 6 และพยายามจะใชแบบเดียวกันท ั่วประเทศคือ แบบ 6 –3 – 3 หรือ 6 – 2 – 4


  • ระดับอนุบาล (Kindergarten / Preschool Education) ชีวิตการเรียนของเด็กอเมริกัน เร ิ่ มตนดวยโรงเรียนเตรียมอนุบาล หรือโรงเรียน อนุบาลต ั้ งแตอายุประมาณ 3 ขวบ ระดับประถมศึกษา
  • (Elementary Schools) เด็กอเมริกันจะเขาเร ิ่ มเรียนอยางจริงจังเม ื่ ออายุ 6 ขวบบริบูรณคือเขาเรียนในชั้น Grade 1 ซึ่งบานเราก็นับวาเปน ประถมศึกษาปที่ 1 ระบบการศึกษาของสหรัฐอเมริกา จะ 182 ระดับมัธยมศึกษา 
  • (Junior High Schools / High Schools) ชวงท ี่ 2 คือ Grade 7 และ Grade 8 หรือระดับมัธยมตน (Junior High Schools) และชวงท ี่ 3 คือ Grade 9 ถึง Grade 12 เปนระดับมัธยมปลาย (Senior High Schools) โดยทั่วไปสําหรับเด็กท ี่ เขาเร ิ่ มเรียนตามปกติและเรียนตอเน ื่องไปโดยไมขาดตอน จะสําเร็จ การศึกษา Grade 12 เม ื่ ออายุประมาณ 18 ปซึ่งนับวาสําเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย นักเรียนในระดับนี้ตองเรียนวิชาพ ื้ นฐาน คือ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตรวิทยาศาสตร สังคมศึกษา และอาจตองเรียนภาษาตางประเทศหรือพลศึกษาดวย นักศึกษาตางชาติที่ เขาไปเรียนตอในระดับมัธยมศึกษาในสหรัฐอเมริกามีจํานวนไมมากนัก และสวนใหญจะ เขาเรียนในโรงเรียนประจําของเอกชน หรือ Boarding School เน ื่องจากโรงเรียนรัฐบาล สวนใหญไมสามารถจัดหาหอพักใหไดโดยทั่วไปนักเรียนไทยสวนใหญที่ไปเรียนตอใน ระดับนี้มักสําเร็จการศึกษาช ั้ นมัธยมศึกษาปที่ 3 แลว และไปเขาเรียนตอ Grade 10 ใน สหรัฐอเมริกา 
  • ระดับอุดมศึกษา (Higher Education) สถาบันระดับอุดมศึกษาในสหรัฐอเมริกามีมากมายกวา 3,000 แหง ทั้งของมลรัฐ และเอกชน โดยสถาบันในระดับอุดมศึกษา จะแยกออกเปน 4 ประเภท ดังน ี้ 1. วิทยาลัยแบบ 2 ปหรือวิทยาลัยชุมชน 
  • (Junior Colleges และ Community Colleges) นักศึกษาท ี่ เรียนในวิทยาลัย Junior และ Community Colleges สามารถเลือกเรียนไดใน 2 หลักสูตร คือ 1.1 Transfer Track เปนหลักสูตรท ี่เปนวิชาพ ื้ นฐาน 2 ปแรกของการศึกษา ระดับปริญญาตรีโดยนักศึกษาจะลงเรียนรายวิชาบังคับ (General Education Requirements) เปนเวลา 2 ปจากน ั้ นนักศึกษาสามารถโอนหนวยกิต (Transfer) ไป มหาวิทยาลัยท ั้ งของมลรัฐและเอกชนเพ ื่ อศึกษาตอในระดับป 3 โดยที่ เกรดเฉล ี่ ยท ี่ นักศึกษาทําไดในระหวาง 2 ปนี้จะเปนตัวกําหนดวานักศึกษาจะไดรับการตอบรับเขา มหาวิทยาลัยท ี่ อยูในอันดับยากงายเพียงใด 1.2 Terminal / Vocational Track เปนหลักสูตรอนุปริญญาสายวิชาชีพ หลังจาก 2 ปแลวนักศึกษาจะไดรับวุฒิอนุปริญญา (Associate Degree) ทางสาขาวิชาท ี่ เลือก อาทิเชน คอมพิวเตอร เลขานุการ เขียนแบบ เปนตน 2. วิทยาลัย (Colleges) เปนสถาบันระดับอุดมศึกษาหลักสูตร 4 ปเปดสอนใน สาขา วิชาตาง ๆ วิทยาลัยหลายแหงเปดสอนถึงระดับปริญญาโท วุฒิบัตรระดับปริญญา 183 3. มหาวิทยาลัย (University) เปนสถาบันระดับอุดมศึกษาท ี่เปดสอนระดับ ปริญญาตรีขึ้นไป มหาวิทยาลัยสวนใหญจะเปดสอนจนถึงระดับปริญญาโทและปริญญา เอกในสาขาตาง ๆ 4. สถาบันเทคโนโลยี (Institute of Technology) เปนสถาบันท ี่เปดสอนต ั้ งแต ระดับปริญญาตรีและอาจเปดสอนจนถึงระดับปริญญาโทและปริญญาเอก สถาบัน เทคโนโลยีสวนใหญจะมุงเนน ที่การสอนในสาขาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เง ื่อนไขการรับเขาเรียน มัธยมศึกษา นักเรียนจากตางประเทศสามารถศึกษาตอในระดับมัธยมในโรงเรียนของเอกชน เทานั้น ไมสามารถเขาเรียนในสถาบันของรัฐบาลได เง ื่อนไขอื่น ๆ เชนเกรดเฉล ี่ ยและ คะแนน TOEFL แตกตางออกไปตามสถาบัน วิทยาลัย วิทยาลัยสวนใหญตองการนักศึกษาที่มีเกรดเฉลี่ย 2.0 ขึ้นไป และคะแนน TOEFL 480 – 500 ขึ้นไป มหาวิทยาลัย สําหรับปริญญาตรี สถาบันสวนใหญตองการนักศึกษาที่มีเกรดเฉลี่ย 2.5 ขึ้นไป และคะแนน TOEFL 500 ขึ้นไป มหาวิทยาลัย สําหรับปริญญาโทและเอก เกรดเฉลี่ย 3.0 ขึ้นไป และคะแนน TOEFL ไมต่ํากวา 500 นักศึกษาท ี่ จะสมัคร ในโปรแกรม MBA สวนใหญจะตองใชคะแนน GMAT ซึ่งจะนํามาคํานวณกับเกรดเฉลี่ย ปริญญาตรีสวนนักศึกษาท ี่ สมัครปริญญาโทและปริญญาเอกในสาขาอื่น ๆ สวนใหญ จะตองสอบ GRE (Graduate Record Examination) 

ระบบการศึกษาประเทศออสเตรเลีย

ระบบการศึกษาประเทศออสเตรเลีย

ประเทศออสเตรเลียมีระบบการศึกษาที่แบ่งออกเป็นดังนี้ ระดับอนุบาลศึกษา (Kindergarten หรือ Pre-School) การศึกษาภาคไม่บังคับ เริ่มรับนักเรียนตั้งแต่อายุ 3-5 ขวบ โดยเน้น การเตรียมความพร้อมให้เด็กมีพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา ทักษะ และ สังคม โดยไม่เร่งหรือเน้นในเชิงวิชาการมากนัก ระดับประถมศึกษา

(Elementary School) การเรียนการสอนในระดับประถมศึกษาจะจัดชั้นตามอายุ โดยมีอาจารย์ ประจําชั้นที่เป็นผู้สอนวิชาพื้นฐานต่างๆ ทั้งหมด ส่วนวิชาหลักในระดับนี้คือ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ วรรณคดีอังกฤษ และวิชาทางศิลปะ การ วัดผลจะอาศัยการประเมินจากครูผู้สอนเป็นหลัก โรงเรียนประถมศึกษาของรัฐบาลส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนแบบสหศึกษา แบบไปกลับ ส่วนโรงเรียนเอกชนมีทั้งแบบสหศึกษาและแยกหญิงชาย ทั้ง แบบประจําและไปกลับ ระดับมัธยมศึกษา

(Secondary - High School) การศึกษาระดับมัธยมศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ มัธยมศึกษาตอนต้น (Year 7-10) เป็นการศึกษาภาคบังคับ จนถึง Year 10 โดยทั่วไปนักเรียนจะมีอายุ 15 ปีจะเรียนวิชาหลักๆ คือ วรรณคดี อังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ พละศึกษา โรงเรียนส่วนใหญ่เปิด สอนวิชาเลือกต่างๆ ให้นักเรียนเลือกเรียนตามความถนัด เช่น คอมพิวเตอร์ภาษาต่างประเทศ ดนตรีศิลปะ ประวัติศาสตร์ภูมิศาสตร์ สังคมศึกษา ธุรกิจ ซึ่งวิชาเหล่านี้อาจถูกกําหนดให้เป็นวิชาบังคับเพื่อ เตรียมนักเรียนเข้าสู่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเรียนต่อสายอาชีพ มัธยมศึกษาตอนปลาย (Year 11-12) นักเรียนที่ต้องการเรียนต่อใน ระดับมหาวิทยาลัยมักเลือกเรียนต่อ Year 11-12 เพื่อเตรียมสอบ ประกาศนียบัตรมัธยมศึกษา ในแต่ละรัฐจะมีประกาศนียบัตรภายใต้ ระบบการศึกษาของรัฐนั้นๆ และเนื่องจากประเทศออสเตรเลียไม่มีระบบ การสอบเข้า การเข้ามหาวิทยาลัยจึงกําหนดจากระดับคะแนนสะสม ที่นักเรียนได้จากการเรียนใน 2 ปีสุดท้าย โดยพิจารณาจากคะแนน UAI: University Assessment Index ซึ่งเป็นระบบการคิดคะแนนที่ทุกรัฐใช้เป็น มาตรฐาน

ระดับอุดมศึกษา (Higher Education) มหาวิทยาลัย (University) รัฐบาลออสเตรเลียให้ความสําคัญในการศึกษาระดับอุดมศึกษาเป็น อย่างมาก เมื่อเทียบกับประชากรเพียง 20 ล้านคน ปัจจุบันมี มหาวิทยาลัยทั้งหมด 39 แห่งทั่วประเทศ มีนักศึกษาที่เรียนเต็มเวลา ครึ่งเวลา และเรียนทางไกลอยู่ทั้งหมดกว่า 600,000 คน และมีนักศึกษา ต่างชาติที่กําลังศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษากว่า 100,000 คนจากทั่วโลก มหาวิทยาลัยในประเทศออสเตรเลียส่วนใหญ่ได้รับเงินสนับสนุนจาก รัฐบาล ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยของเอกชนเพียง 3 แห่ง คือ Bond รัฐบาล ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยของเอกชนเพียง 3 แห่ง คือ Bond University, University of Notre Dame และ Southern Cross University ในปัจจุบัน มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียเป็นที่ยอมรับในระดับสากล บาง แห่งติดอันดับสุดยอด 50 มหาวิทยาลัยในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ซึ่ง สํารวจโดยนิตยสาร Asia week นอกจากนี้ออสเตรเลียยังได้รับการ ยกย่องจากองค์กรสําคัญระดับโลก เช่น the World Bank และ Asia Development Bank ว่าเป็นหนึ่งในผู้นําด้านการศึกษาที่ได้มาตรฐานโลก สถาบันเทคนิคและการศึกษาต่อเนื่องของรัฐบาล (Institute of Technical and Further Education) สถาบันเทคนิคและการศึกษาต่อเนื่องของรัฐบาล หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อ ว่า "เทฟ" (TAFE) เป็นระบบการศึกษาที่เน้นการฝึกอบรมด้านวิชาชีพ เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการฝึกทักษะปฏิบัติที่จําเป็นต่างๆ ในวิชาชีพ ที่สําคัญๆ เช่น อุตสาหกรรม ก่อสร้าง รถยนต์ พาณิชย์ ช่างเทคนิคทุก ประเภท และงานบริการ การท่องเที่ยว การโรงแรม รวมทั้งศิลปะ และ ความชํานาญในทุกสายอาชีพ โดยมีเป้าหมายในการป้อนบุคลากรที่มี ทักษะ ความรู้ความชํานาญ และความสามารถเข้าสู่ตลาดแรงงาน การ เรียนในสถาบัน TAFE จึงเน้นภาคปฏิบัติมากกว่าทฤษฎีและมีการ ประสานความร่วมมือระหว่างสถาบัน TAFE และหน่วยงานภาครัฐบาล และภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การฝึกฝนวิชาชีพต่างๆ ที่สอดคล้อง กับความต้องการ และการเปลี่ยนแปลงกับตลาดแรงงานอย่างแท้จริง วิทยาลัยเอกชน (Private College) วิทยาลัยเอกชนที่เปิดสอนหลักสูตรการศึกษาต่อเนื่องและวิชาชีพ จัดตั้ง อยู่ทั่วไปตามเมืองใหญ่ทุกเมือง โดยจัดหลักสูตรใกล้เคียงกับสถาบัน TAFE ของรัฐบาล แต่จะเน้นสาขาวิชาชีพด้านธุรกิจ และสาขาที่ตลาด แรงงานมีความต้องการมาก เช่น บัญชี การตลาด การจัดการ คอมพิวเตอร์ วิทยาการสารสนเทศ เลขานุการ การท่องเที่ยว การ โรงแรม ออกแบบ เสริมสวย เป็นต้น วิทยาลัยเอกชนที่เปิดรับนักศึกษาต่างชาติจะต้องจดทะเบียนและอยู่ภาย ใต้การควบคุมดูแลด้านมาตรฐานและคุณภาพการเรียนการสอนจาก รัฐบาลและหน่วยงานการศึกษาที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ วิทยาลัยเอกชน หลายแห่งยังจัดสอนหลักสูตรเพื่อการศึกษาต่อเนื่องในระดับปริญญาตรี ในมหาวิทยาลัยของรัฐ ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกสําหรับผู้ที่ต้องการ คุณวุฒิในวิทยาลัยเอกชน และศึกษาต่อเนื่องขึ้นไปเรียนถึงในระดับ ปริญญาตรี

สถาบันภาษา (English Language Intensive Course for Oversea Students: ELICOS) หลักสูตรภาษาอังกฤษของออสเตรเลียนั้น นับว่าเป็นหลักสูตรที่มี คุณภาพและดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง สถาบันภาษา หรือที่เรียกย่อๆ ว่าสถาบัน ELICOS เป็นสถาบันที่ได้จดทะเบียนและได้รับการรับรองเป็นที่เรียบร้อย แล้วเนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกของสมาคมหรือองค์กรเพื่อการสอนภาษา อังกฤษ การเรียนการสอนจึงดําเนินตามมาตรฐานและกฏเกณฑ์ของสมาคม หรือองค์กรนั้นๆ ในประเทศออสเตรเลีย สถาบันเหล่านี้จะเปิดสอนทั้งใน วิทยาลัย สถาบันอาชีวศึกษา วิทยาลัยเอกชน และบางแห่งก็เป็นส่วนหนึ่งของ สถาบันระดับอุดมศึกษาของรัฐบาล เช่น มหาวิทยาลัย และโดยส่วนใหญ่แล้ว ก่อนจะเริ่มเรียนจะมีการจัดสอบวัดระดับสําหรับนักศึกษาต่างชาติ (Placement Test) เพื่อจัดระดับ ชั้นเรียนที่เหมาะสมกับนักศึกษา สถาบัน ELICOS เปิดสอนในหลักสูตรฝึกอบรมด้านภาษาอังกฤษในทุกระดับ และมีความหลากหลายตามวัตถุประสงค์ โดยทั่วไปแล้วจะเปิดสอนในหลักสูตร แบบเต็มเวลา (Full-time) โดยกําหนดเวลาอย่างน้อย 20 -25ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แบบเต็มเวลา (Full-time) โดยกําหนดเวลาอย่างน้อย 20 -25ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ 2-48 สัปดาห์และแบบครึ่งวัน (Part-time) เรียนเพียง 12-15 ชั่วโมงต่อ สัปดาห์ หลักสูตรเหล่านี้จะแบ่งเป็นระดับต่างๆ ตามระดับความสามารถด้าน ภาษาของนักศึกษาดังนี้ ระดับเริ่มต้น ระดับกลางขั้นต้น ระดับกลาง ระดับกลางขั้นสูง ระดับสูง หลักสูตรภาษาอังกฤษ จัดแบ่งตามวัตถุประสงค์ต่างๆ ดังนี้ ภาษาอังกฤษทั่วไป (General English) เป็นหลักสูตรที่เหมาะสําหรับ บุคคลทั่วไปที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในทุกๆด้าน เช่น การพูด การเขียน การฟัง การอ่าน และรวมถึงไวยากรณ์ต่างๆ ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว/สันทนาการ (Study Tour/Holiday) เป็น หลักสูตรภาษาอังกฤษที่มีความยืดหยุ่นอย่างมาก และมีระยะเวลาเรียน เพียงสั้นๆ เป็นการเรียนภาษาอังกฤษที่ควบคู่ไปพร้อมๆกับการท่องเที่ยว หรือทํากิจกรรมสันทนาการอื่นๆ ภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ (Business English) เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นการใช้ ภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในการติดต่อธุรกิจ เนื้อหาจะเน้นเกี่ยวกับการเขียน รายงาน Report การเขียนเสนอโครงงาน การเขียนจดหมายโต้ตอบ ทางธุรกิจ การนําเสนองานในที่ประชุม หลักสูตรนี้เหมาะสําหรับ นักศึกษาที่เรียนในสาขาธุรกิจ วิทยาศาสตร์และคอมพิวเตอร์ ภาษาอังกฤษเพื่อเข้าศึกษาตรงในมหาวิทยาลัย หรือ TAFE (Direct Entry English Program) เป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษสําหรับนักศึกษาที่ต้องการศึกษาต่อใน ระดับมหาวิทยาลัย โดยไม่ต้องสอบ IELTS หรือ TOEFL อีก ซึ่ง หลักสูตรนี้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับ การเขียนและการอ่านเชิงวิชาการ การ จดบันทึกย่อ การทํางานวิจัย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเนื้อหา ที่นักศึกษาจะต้องใช้ในการศึกษาต่อ ผู้ที่จะเข้าเรียนจะต้องมีผลภาษา อังกฤษ (IELTS / TOEFL) หรือผ่านการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ กับทางสถาบันโดยตรง และเมื่อนักศึกษาสําเร็จการศึกษาในหลักสูตร นี้และมีผลการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กําหนดไว้ก็จะสามารถเข้าศึกษาต่อ ในมหาวิทยาลัยที่สถาบันนั้นๆมีข้อตกลงอยู่ แต่ละสถาบันจะมีชื่อ หลักสูตรที่แตกต่างกัน อาทิเช่น Direct Entry English Program, Bridging Program, English for Tertiary Program/TAFE ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ/เพื่อศึกษาต่อ (English for Academic Purpose) เป็นหลักสูตรที่เหมาะสําหรับผู้ที่ต้องการเสริมทักษะภาษา อังกฤษในด้าน การเขียนและการอ่านเชิงวิชาการ การทําวิจัย สัมมนา และการมีส่วนร่วมในการเรียนกลุ่มย่อย เพื่อนําไปใช้ในการศึกษาต่อใน ทุกระดับ เช่น ระดับมัธยมศึกษา สถาบันอาชีวศึกษา และระดับ อุดมศึกษา โดยส่วนมากผู้ที่จะเข้าเรียนในหลักสูตรนี้จะต้องมีความ สามารถด้านภาษาอังกฤษในระดับกลางถึงสูง ในบางสถาบันใช้หลักสูตร นี้เป็นเงื่อนไขในการเข้าศึกษาโดยตรงในหลักสูตรหลัก

วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560

ประวัติอเมริกา และการศึกษาอเมริกา!!!

ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ อเมริกา เป็นประเทศที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาลโดยมีพื้นที่ถึง 9.9 ล้านตาราง กิโลเมตร(เทียบเท่ากับ 18 เท่าของพื้นที่ประเทศไทย) ส่วนกว้างของอเมริกาจากฝั่งมหาสมุทร แปซิฟิกทางด้านตะวันตกไปจนจรดมหาสมุทรแอตแลนติกทางตะวันออก มีความกว้างถึง 4,500 กิโลเมตร ซึ่งต้องใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมง ทิศเหนือมีอาณาเขตติดกับ ประเทศ แคนาดา ทิศใต้ติดกับประเทศเม็กซิโกและอ่าวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา มีพื้นที่ครอบคลุมส่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาเหนือ ประกอบไปด้วยรัฐ50 รัฐ โดยมีมลรัฐ Alaska อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคนาดาและมีมลรัฐฮาวายอยู่ทาง ตอนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิก มีเนื้อที่ประมาณ 9,631,418 ตารางกิโลเมตรเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากรัสเซียและแคนาดา

แหล่งอ้างอิง
อเมริกา : http://www.studysqr.com/อเมริกา/


การศึกษาอเมริกา
การศึกษาในสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ โดยหน่วยงานภาครัฐที่มีการควบคุม และเงินทุนที่มาจากสามระดับรัฐบาลกลาง , รัฐและท้องถิ่น ซึ่งการศึกษาภาคบังคับ สำหรับทุกเพศทุกวัย การศึกษาภาคบังคับแตกต่างกันไปโดยรัฐ โดยทุกรัฐเริ่มต้นจากวัย 5-8 และสิ้นสุดจากทุกเพศทุกวัย 14-18
การศึกษาเปิดกว้างแด่สาธารณะชน เช่น โรงเรียนหลักสูตร, เงินทุน, การสอนการจ้างงานและนโยบายอื่น ๆ โดยจัดตั้งผ่านทาง การเลือกตั้งในท้องถิ่น – บอร์ดโรงเรียนที่มีอำนาจเหนือ โรงเรียนในระดับเขต โรงเรียนมักจะแยกออกจากการปกครองท้องถิ่น โดยเจ้าหน้าที่เป็นอิสระรวมถึงการจัดการงบประมาณที่เป็นอิสระ มาตรฐานการศึกษาและการทดสอบระดับมาตรฐานการศึกษาจะทำโดยรัฐบาลกลางของสหรัฐ
แหล่งอ้างอิง
การศึกษาอเมริกา  http://www.studysqr.com/usa-education-system/ ‎



รับทำวีซ่า
บริษัท สทัดดีสแควร์ จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน รับทำวีซ่าอเมริกา ท่องเที่ยว และวีซ่านักเรียน ประสบการณ์การยื่นขอวีซ่ามากกว่า 10 ปีเป็นเครื่องการันตี ให้คำปรึกษาที่ถูกต้องตรงตามความต้องการของสถานทูตแต่ละประเทศ เราเชี่ยวชาญการขอวีซ่าในทุกประเทศ รวมทั้งออกแบบแผนการขอเดินทางเพื่อขอวีซ่าได้อย่างถูกต้อง เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน รับทำวีซ่าอเมริกา โดยตรวจสอบเอกสารเพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะไม่มีปัญหาเรื่องทำวีซ่าของท่าน กรอกแบบฟอร์มอย่างถูกต้องสมบูรณ์ จัดการจองตั๋วเครื่องบิน ช่วยท่านซื้อประกันการเดินทาง จองคิวนัดสัมภาษ ช่วยท่านเตรียมตัวเข้ารับสัมภาษวีซ่ากับทางสถานทูต ช่วยสร้างความมั่นใจว่าแผนการท่องเที่ยวของท่านจะไม่มีอุปสรรค์จากการยื่นขอวีซ่า
แหล่งอ้างอิง
รับทำวีซ่า : http://www.studysqr.com/วีซ่า/รับทำวีซ่า/รับทำวีซ่าอเมริกา/

วีซ่าอเมริกา
สำหรับพลเมืองของต่างประเทศที่มีความประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาในครั้งแรก จะต้องได้รับวีซ่าทั้งชนิดวีซ่าชั่วคราวสำหรับการเข้าพักชั่วคราวหรือวีซ่าพำนักถาวร พลเมืองที่ได้รับการรับรองจากทางรัฐบาลอาจจะได้รับการยกเว้นการขอวีซ่าเข้าประเทศอเมริกา สำหรับนักท่องเที่ยวทุกคนที่จะมาถึงสหรัฐอเมริกาภายใต้โครงการยกเว้นวีซ่าจะต้องได้รับการอนุมัติผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเดินทางการอนุญาต (ESTA) ก่อนเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับบุคคลทั่ว ๆ ไปที่ไม่ได้มีคุณสมบัติสำหรับโครงการยกเว้นวีซ่า หรือบุคคลที่ต้องการเดินทางไปอเมริกาเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อการเรียนต่อ หรือบุคคลที่ต้องการทำงานในโครงการแลกเปลี่ยน จะต้องขอวีซ่าชนิด B เพื่อการเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา การที่ท่านได้รับวีซ่าจากสถานกงศุลอเมริกาเรียบร้อยแล้ว จะยังไม่ได้รับประกันว่าท่านจะสามารถเดินทางเข้าประเทศอเมริกาได้ วีซ่าเพียบแสดงให้เห็นกับทางเจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐในประเทศนั้น ๆ ที่กำหนดว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะใช้วีซ่าสำหรับการเข้าสู่สหรัฐอเมริกาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะด้านที่ท่านแสดง ท่านจะต้องถูกตรวจสอบอีกครั้ง จากเจ้าเจ้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (Department of Home Land) และทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะทำหน้าที่กำหนดระยะเวลาที่ท่านสามารถพำนักอาศัยอยู่ใน สหรับอเมริกาอีกที
แหล่งอ้างอิง
วีซ่าอเมริกา : http://www.studysqr.com/วีซ่า/วีซ่าอเมริกา/

เรียนต่ออเมริกา
มีนักเรียนนานาชาติเพิ่มขึ้นในสหรัฐที่เพิ่มขึ้น หลาย ๆ คนมีเป้าหมายการเรียนต่ออเมริกา เป็นลำดับแรก อเมริกาเป็นสถานที่ที่พวกเขาต้องการที่จะเพิ่มประสบการณ์ของพวกเขาและยกระดับความรู้ของพวกเขาให้สูงยิ่งขึ้น สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่นิยมมากที่สุดสำหรับนักศึกษาต่างชาติ เรามาค้นหาคำตอบว่าทำไมนักเรียนต่างชาติจำนวนมากเลือกที่จะเรียนต่ออเมริกาใน สถาบันสอนภาษา วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกา
แหล่งอ้างอิง : http://www.studysqr.com/เรียนต่อ/เรียนต่ออเมริกา/


Study Square Co.,Ltd. 5 Therd Rachan 1 Lane, Therd Rachan Rd, Srikan, Donmuang, Bangkok, 10210 ThailandTell : 089-1261024, 02-9291231 (พี่กฤต)Email :studysquares@hotmail.com

ชีวิตในอเมริกา และ เรื่องน่ารู้!!!

บริการไปรษณีย์ของอเมริกา เป็นบริการไปรษณีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีพนักงานประมาณ 750,000 คน และจัดการจดหมายกว่าสองแสนล้านฉบับทุกปี โดยทั่วไปคนอเมริกันค่อนข้างพอใจกับบริการไปรษณีย์ คุณสามารถส่งพัสดุเกือบทุกอย่างที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้คนรอบข้างได้ทางไปรษณีย์เพื่อความสะดวกสบายของคุณ **คุณสามารถใช้บริการส่งเร่งด่วนจากหลากหลายบริษัทซึ่งสามารถส่งจดหมาย กล่อง หรือหลอดพัสดุ ภายในอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

แหล่งอ้างอิง
บริการต่างๆ ใน อเมริกา:http://www.studysqr.com/วีซ่า/วีซ่าอเมริกา/daily-services-in-america/



อเมริกามีภาษีหลายประเภท จัดเก็บหลายระดับ เช่น ภาษีรัฐบาลกลาง ภาษีรัฐ และภาษีท้องถิ่น ในกฎเกณฑ์และอัตราที่ต่างกัน โดยทั่วไปภาษีในอเมริกาประกอบด้วย ภาษีเงินได้ ภาษีทรัพย์สิน ภาษีโรงเรือน ภาษีประกันสังคม ภาษีโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและทรัพย์สินแบบให้เปล่า และภาษีจากการขาย
ทุกคนที่มีรายได้ในอเมริกาต้องจ่ายภาษีเงินได้ไม่ว่าจะถือสัญชาติใด ใครก็ตามที่เดินทางมาอเมริกา เพื่อมาศึกษาเรียนต่ออเมริกา มาทำงาน หรือมาเริ่มต้นชีวิตใหม่จึงต้องรู้เรื่องภาษีในอเมริกา
แหล่งอ้างอิง 
ภาษีในอเมริกา:http://www.studysqr.com/วีซ่า/วีซ่าอเมริกา/pay-taxes-in-america/

Fact ที่น่ารู้แบบสนุกๆๆของมหาวิทยาลัย ในอเมริกา
มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) มีบรรยากาศการสอนยอดเยี่ยมที่สุด (Best Classroom Experience)  
มหาวิทยาลัยฟลอริดา (University of Florida) จัดงานปาร์ตี้สังสรรค์มากที่สุด (Top Party School)
แหล่งอ้างอิง 
เรื่องน่ารู้ในอเมริกา:http://www.studysqr.com/เรียนต่อ/เรียนต่ออเมริกา/fun-facts-of-university-in-america/

อเมริกาถึงแม้จะเป็นเมือง ที่เจริญก้าวหน้าในด้าน วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การแพทย์ การศึกษาและอื่นๆ แต่เขาก็มีปัญหา ในด้านสังคมวัฒนธรรม และศิลธรรม เหมือนๆกันทั่วทุกประเทศ ในโลกใบนี้ เพียงแต่ เราจะเลือกส่วนไหนมามอง ในแง่ใด สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศ ที่มีประชาชน มากกว่า 120 สัญชาติที่รวมกันอยู่ ประมาณ 300 ล้านคน ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องประหลาด ที่มีทั้งคนดีคนเลวอยู่ทั่วไป ทุกหนแห่ง แม้แต่บ้านเมืองของเราเอง ก็เช่นกัน แต่เราก็ต้องเลือกการใช้ชีวิต
อ้างอิง
ชีวิตนักเรียนในอเมริกา:http://www.studysqr.com/เรียนต่อ/เรียนต่ออเมริกา/ชีวิตนักเรียนในอเมริกา/

Study Square Co.,Ltd. 5 Therd Rachan 1 Lane, Therd Rachan Rd, Srikan, Donmuang, Bangkok, 10210 ThailandTell : 089-1261024, 02-9291231 (พี่กฤต)Email :studysquares@hotmail.com

โครงการพิเศษ Work and Travel in USA

Work and Travel in USA
หนึ่งในโครงการแลกเปลี่ยนระดับอุดมศึกษาเพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมอเมริกันที่แตกต่าง เน้นการฝึกวิชาชีพแบบชั่วคราวหรืองานตามฤดูกาล ผ่านการทำงานในช่วงปิดภาคเรียน ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตามกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้นักศึกษาผู้เข้าร่วมโครงการ ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายในสาขาต่างๆ (ยกเว้นบางสาขา) โดยมีระยะเวลาตั้งแต่ 2 – 4 เดือน ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาปิดภาคเรียน และช่วงเวลาเปิด – ปิด ของสถานที่ทำงานนั้น ๆ หลังจากนั้น นักศึกษายังสามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกาได้อีก 1 เดือน หลังสิ้นสุดการทำงาน โดยบริษัทฯ และองค์กรแลกเปลี่ยนในประเทศสหรัฐอเมริกาจะประสานงานในการคัดสรรสถานที่ทำงานที่มีมาตรฐานตามที่กำหนดไว้
โครงการ Work and Travel in USA เป็นโครงการที่อยู่ภายใต้การดูแลและควบคุมของรัฐบาลอเมริกัน โดยมีวัตถุประสงค์ทางการศึกษาที่เน้นการฝึกวิชาชีพ และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม (Cultural Exchange) การทำงานกับชาวอเมริกัน และนานาชาติ โครงการนี้ไม่ใช่การจัดหางานในตลาดแรงงาน ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจะต้องมีสถานภาพเป็นนักศึกษาและต้องผ่านการคัดเลือก เมื่อผ่านการคัดเลือกแล้ว ทางโครงการจะดำเนินการขอวีซ่าประเภทนักเรียนแลกเปลี่ยน (J–1) เพื่อผู้สมัครสามารถเข้าร่วมโครงการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ช่วงเวลาที่นักศึกษาเข้าร่วมโครงการฯ ได้แก่
*ช่วงเวลาอาจปรับเปลี่ยน ตามการปิดภาคเรียน ที่มีการกำหนดใหม่
วัตถุประสงค์ของโครงการ
ส่งเสริมให้นักศึกษารู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในช่วงปิดภาคเรียน
ส่งเสริมให้นักศึกษาได้พัฒนาทางด้านภาษาอังกฤษ ในระหว่างที่ทำงานและดำเนินชีวิต
ส่งเสริมให้นักศึกษาได้เรียนรู้วัฒนธรรมการทำงานในระบบอเมริกัน จากประสบการณ์ในช่วงเวลาทำงาน
เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้มีประสบการณ์เดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกา
รู้จักการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและวิธีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ในระหว่างการทำงาน
รายละเอียดการสมัครเข้าร่วมโครงการ
คุณสมบัติผู้สมัคร
มีสถานภาพโสด และมีสัญชาติไทย
อายุระหว่าง 18 – 28 ปี
มีสถานภาพเป็นนักศึกษาภาคปกติระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1 – 4 หรือ ระดับปริญญาโท (ในระหว่างเข้าร่วมโครงการยังคงมีสถานภาพเป็นนักศึกษา) ทั้งนี้ นักศึกษาจากต่างประเทศ ที่มาศึกษาในประเทศไทย สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้
มีคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 2.00
มีทักษะในการสื่อสารภาษาอังกฤษ และเป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดี
มีทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน และมีความพร้อมที่จะทำงานหนัก
สามารถเรียนรู้และปรับตัวในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ในวัฒนธรรมที่แตกต่างได้
แหล่งที่มา

Study Square Co.,Ltd. 5 Therd Rachan 1 Lane, Therd Rachan Rd, Srikan, Donmuang, Bangkok, 10210 ThailandTell : 089-1261024, 02-9291231 (พี่กฤต)Email :studysquares@hotmail.comFace Book : https://www.facebook.com/Studysquare.co.th/,https://www.facebook.com/sqstudyabroad/


วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2560

ค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก ค่าอาหาร เรียนต่ออังกฤษ !!!

ค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก ค่าอาหาร เรียนต่ออังกฤษ

ค่าเล่าเรียน คือค่าใช้จ่ายหลักที่ต้องจ่าย จะแบ่งออกเป็นหลักสูตรต่างๆกังนี้
– หลักสูตรภาษาอังกฤษ ประมาณ 1,200-3,000 ปอนด์ (ประมาณ 60,000-150,000 บาทต่อปี)
– ปริญญาตรีและปริญญาโท สาขาศิลปศาสตร์ สังคมศาสตร์ ประมาณ 8,000-13,500 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 400,000-650,000 บาทต่อปี)
– ปริญญาตรีและปริญญาโท หลักสูตรวิทยาศาสตร์ ประมาณ 8,000-15,000 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 400,000-750,000 บาทต่อปี)
– หลักสูตรปริญญาโท MBA ประมาณ 10,000-30,000 ปอนด์ (500,000-1,500,000 บาท)
ค่าที่พัก แต่ละเมืองจะต่างกันไป ยิ่งเมืองใหญ่ ใกล้มหาวิทยาลัยก็จะแพง โดยเฉพาะกรุงลอนดอนที่ขึ้นชื่อว่าครองชีพโหดมาก การเรียนเมืองชนบทจะลดค่าใช้จ่ายตรงนี้เยอะเลยล่ะครับ
– ที่พักในมหาวิทยาลัย ประมาณ 90-150 ปอนด์/สัปดาห์
– แบ่งเช่าห้องรวม ประมาณ 150-500 ปอนด์/สัปดาห์
– เช่าห้องเดี่ยว ประมาณ 250-600 ปอนด์/สัปดาห์
ค่าอาหาร บางคนกินมากกินน้อยต่างกันไป ก็จะมีค่าใช้จ่ายตรงนี้ต่างกัน เลยขอสรุปอาหารบางอย่างมาเป็นแนวทางก็แล้วกันนะครับ
– ข้าวสาร กิโลกรัมละประมาณ 1.39 ปอนด์ หรือประมาณ 70 บาท
– น้ำอัดลม กระป๋องละประมาณ 45 เพนนี
– อาหารฟาสต์ฟู๊ดทั่วไป ราคาประมาณ 2.5-5 ปอนด์
– อาหารตามร้านอาหารทั่วไป ประมาณ 8-12 ปอนด์ (ร้านหรูขึ้นมาหน่อยก็ประมาณ 15-30 ปอนด์)
เพิ่มเติม

ติดต่อเรา
Study Square Co.,Ltd. 5 Therd Rachan 1 Lane, Therd Rachan Rd, Srikan, Donmuang, Bangkok, 10210 Thailand
Tell : 089-1261024, 02-9291231 (พี่กฤต)Email :studysquares@hotmail.com
Face Book : https://www.facebook.com/Studysquare.co.th/,https://www.facebook.com/sqstudyabroad/
 Twitter :https://twitter.com/aittit
Line ID : krittapas_st